For The Latest Medical News, Health News, Research News, COVID-19 News, Pharma News, Glaucoma News, Diabetes News, Herb News, Phytochemical News, Thailand Cannabis News, Cancer News, Doctor News, Thailand Hospital News, Oral Cancer News, Thailand Doctors

BREAKING NEWS
Source: University Of Tasmania  Jan 15, 2019  6 years, 9 months, 2 weeks, 1 day, 13 hours, 36 minutes ago

การวิจัยแสดงให้เห็นว่าโรคเบาหวานกระทบการทำงานของสมอง.

การวิจัยแสดงให้เห็นว่าโรคเบาหวานกระทบการทำงานของสมอง.
Source: University Of Tasmania  Jan 15, 2019  6 years, 9 months, 2 weeks, 1 day, 13 hours, 36 minutes ago
โรคเบาหวานมีส่วนเกี่ยวข้องกับภาวะแทรกซ้อนหลายอาการอย่างเช่นโรคไต แต่การวิจัยใหม่ได้พบว่าผู้มีอายุที่เป็นเบาหวานประเภท 2 อาจประสบปัญหาในเรื่องของการคิดและความจำ



ในการวิจัยระยะห้าปีนั้น ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานที่เข้าร่วมได้แสดงสมรรถนะในความจำและความคล่องแคล่วทางวาจาที่แย่ลง และเมื่อได้ทำการสแกนเอ็มอาร์ไอแล้วนั้น นักวิจัยเห็นว่าสมองของผู้เข้าร่วมนั้นมีขนาดที่เล็กกว่าเมื่อตอนเริ่มการวิจัย แต่อัตราของการลดขนาดในสมองไม่ได้แตกต่างกันในปีต่อปีที่ได้ติดตามคนไข้ ผู้ตรวจการณ์ไม่ได้พบความเชื่อมโยงระหว่างขนาดของสมองและปัญหาในการคิดและการจำแต่อย่างใด

ผู้นิพนธ์การวิจัย มิเชล แคลลิซายา และหนึ่งในนักวิจัย ที่ มหาวิทยาลัยแทสมาเนีย กล่าวว่า “ถึงแม้ว่าการทำงานในหน่วยความจำและบริหารการ [ทักษะการคิดและการวางแผน] เสื่อมลงในอัตราที่สูงกว่าในผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภท 2 แต่ก็ไม่ได้มีการเชื่อมโยงกับการที่สมองลดขนาดแต่อย่างใด”

แคลลิซายาได้บอกว่าการค้นพบนี้เป็นอันที่น่าประหลาดใจกับนักวิจัยอย่างมาก เพราะเขาได้คาดไว้ว่าขนาดของสมองที่ลดลงนั้นน่าจะเป็นอะไรที่พบได้มากกว่านี้ในผู้ที่มีปัญหาเรื่องการจำและการคิด แต่เธอได้บอกว่ามันก็อาจจะเป็นไปได้ที่ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยเหล่านี้จะปรากฏชัดขึ้นในระยะ าว และเธอก็บอกอีกว่า “สรุปแล้วก็คือโรคเบาหวานประเภท 2 นั้นมีผลกระทบกับการทำงานของสมอง”

นักวิจัยได้กล่าวว่า งานการวิจัยที่ผ่านมาได้พบว่าการเป็นโรคเบาหวานอาจทำให้การเสี่ยงในการเป็นโรคสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า และถึงแม้ว่าการวิจัยครั้งก่อนๆได้แสดงให้เห็นถึงเชื่อมโยงระหว่างสองอาการนี้ แต่ก็ยังไม่มีผลใดสามารถพิสูจน์ถึงความสัมพันธ์ในแบบเหตุและผลได้ และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้แคลลิซายาและเพื่อนร่วมงานของเธอพิสูจน์ว่าการลดขนาดของสมองนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่

เขาได้รวบรวมมากกว่า 700 คนที่มีอายุระหว่าง 55 ถึง 90 ปีในการวิจัยครั้งนี้ และสามครั้งในระยะเวลาห้าปีก็ได้มีการทดสอบเพื่อวัดทักษะในการคิด วางแผน และความจำของผู้เข้าร่วมเหล่านี้ และทุกครั้งก็มีการสแกนเอ็มอาร์ไอด้วยเช่นกัน

ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้เข้าร่วมนั้นเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 (348 คน) และอายุโดยเฉลี่ยแล้วคือ 68 ปี และกลุ่มที่ไม่เป็นโรคเบาหวานนั้นมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 73 ปี ซึ่งนักวิจับได้พบว่าผู้ที่เป็นโรคเบาหวานนั้นได้คะแนนที่ต่ำกว่าในทั้งการทดสอบความจำและความคล่องแคล่วทางวาจา
ความจำทางวาจานั้นคือความสามารถในการจำศัพท์ได้และความคล่องแคล่วทางวาจาก็คือการวัดทักษาในการคิดและวางแผน อย่างเช่นผู้ที่ปัญหาในส่วนนี้อาจจะลืมชื่อของผู้อื่นได้หรือหาสิ่งของไม่ค่อยเจอนั่นเอง ผู้ที่มีปัญหาด้านความคล่องแคล่วทางวาจาอาจจะมีปัญหาในเรื่องของการวางแผน ริเร่ม และจัดระเบียบสิ่งต่างๆ

การสแกนเอ็มอาร์ไอแสดงให้เห็นว่าผู้เป็นโรคเบาหวานจะมีขนาดสมองในตอนเริ่มการวิจัยที่น้อยกว่าผู้ไม่มีโรคนี้ แต่ทีมของแคลลิซายาไม่เห็นว่ามีหลักฐานใดๆที่บอกว่าขนาดสมองมีการเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเสื่อมของการคิดและการจำ

ดร. จิเซล วูล์ฟ-ไคลน์ ผู้อำนวยการด้านการศึกษาของผู้สูงอายุ ที่ นอร์ทเวลล์ เฮลต์ ใน เมืองเกรตเน็ค รัฐนิวยอร์ก ได้ตรวจสอบผลการวิจัยและกล่าวว่า “ถึงเราจะปฏิเสธไม่ได้ว่าโรคเบาหวานเป็นปัจจัยการเสี่ยงอย่างหนึ่งในการพัฒนาของการเปลี่ยนแปลงทางปัญญา แต่ก็ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่ามีความสัมพันธ์กับอาการสมองฝ่ออย่างไร”

ดร. โจล ซอนสไซน์ ผู้อำนวยการศูนย์โรคเบาหวาน ที่ ศูนย์การแพทย์มอนเตฟิออเร ใน เมืองนิวยอร์กซิตี้ ก็เห็นด้วยว่าการวิจัยในครั้งนี้ไม่ได้แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของสมอง โรคเบาหวาน และปัญหาด้านความคิดและความจำแต่อย่างใด

ซอนสไซน์ บอกว่าความแตกต่างระหว่างสองกลุ่มในการวิจัยอาจมีบทบาทสำคัญกับผลการวิจัยอย่างมาก เนื่องจากว่าคนที่อยู่ในกลุ่มของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานนั้นน้ำหนักจะเยอะกว่าและมีระดับคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตที่สูงกว่าในอีกกลุ่มหนึ่ง

เขากล่าวต่ออีกว่า “สำหรับผม บทเรียนก็คือ การควบคุมที่ดีในช่วงแรกของปัจจัยความเสี่ยงเหล่านี้—น้ำตาลในเลือด คอเลสเตอรอล น้ำหนัก และความดันโลหิต—นั้นสำคัญ รวมถึงการออกกำลังอย่างสม่ำเสมออีกด้วย และผู้ที่มีปัจจัยความเสี่ยงดังกล่าวจะมีความเสี่ยงในการเสื่อมสภาพทางปัญญาที่สูงขึ้น”

วูล์ฟ-ไคลน์ กล่าวว่า ถึงว่ายังพิสูจน์ไม่ได้ว่าการบริหารน้ำตาลในเลือดให้ดีจะสามารถลดความเสี่ยงจากปัญหาสุขภาพสมองได้ “แต่การออกกำลังกายและทานอาหารที่เป็นประโยชน์นั้นมีความเชื่อมโยงกับการลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคสมองเสื่อมในประชากรณ์ทั่วไปและอุบัติการณ์ของโรคเบาหวานที่น้อยลงด้วยเช่นกัน”

แคลลิซายาก็เห็นด้วยและกล่าวว่า “อะไรที่ดีต่อหัวใจก็ดีต่อสมองด้วยเหมือนกัน” และนอกจากการทานอาหารที่ถูกต้องและออกกำลังกายอย่างปกติแล้ว เธอแนะนำให้ยังทำการสังคมและท้าทายสมองของคุณ

ข้อมูลเพิ่มเติม: Michele L. Callisaya et al. Type 2 diabetes mellitus, brain atrophy and cognitive decline in older people: a longitudinal study, Diabetologia (2018). DOI: 10.1007/s00125-018-4778-9 

 

MOST READ

Oct 23, 2025  8 days ago
Nikhil Prasad
Oct 20, 2025  11 days ago
Nikhil Prasad
Oct 18, 2025  13 days ago
Nikhil Prasad
Oct 17, 2025  14 days ago
Nikhil Prasad
Oct 14, 2025  17 days ago
Nikhil Prasad
Oct 12, 2025  19 days ago
Nikhil Prasad
Oct 07, 2025  24 days ago
Nikhil Prasad
Sep 27, 2025  1 month ago
Nikhil Prasad
Sep 22, 2025  1 month ago
Nikhil Prasad

FROM CANCER

LATEST ON THAILAND MEDICAL