จาก: Cancer Research UK Jan 14, 2019 5 years, 3 months, 2 weeks, 15 hours, 18 minutes ago
เป็นเวลาเกือบสิบปีแล้วตั้งแต่มีการเปิดตัว human papillomavirus (HPV) ในสหราชอาณาจักรเพื่อช่วยในการปกป้องจากไวรัสที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก แต่จนถึงปัจจุบันก็ได้มีการฉีดให้เด็กผู้หญิงเท่านั้น
ในวันนี้ คณะกรรมการ Joint Committee for Vaccination and Immunisation (JCVI) แนะนำว่าเด็กผู้ชายวัยเยาว์ควรได้รับการฉีดวัคซีนนี้ด้วยเช่นกัน
Human papillomavirus (HPV). Credit: Wikimedia Commons/CC BY-SA 2.0
จะในตอนไหนและอย่างไรก็คงขึ้นอยู่กับรัฐบาลในตอนนี้ แต่คำแนะนำนั้นเกิดจากหลักฐานที่ได้ถูกสะสมมาหลายปีในเรื่องของประโยชน์ต่อสุขภาพและประสิทธิผลในการใช้ต้นทุน
HPV และ มะเร็ง
HPV เป็นครอบครัวไวรัสขนาดใหญ่ ไวรัสนี้มีมากกว่า 100 ชนิดและบางชนิดนั้นมีความอันตรายกว่าชนิดอื่นๆ ในบางชนิดอาจทำให้เกิดแค่หูด แต่ยังมีอีก 13 ชนิดที่มีความเชื่อมโยงกับการเป็นโรคมะเร็ง
HPV เป็นไวรัสที่มีความปกติมาก โดยมี 8 จาก 10 คนที่จะติดเชื้อนี้ในบางช่วงชีวิต โดยส่วนมากแล้วร่างกายของเราจะกำจัดเชื้อโดยไม่มีปัญหาใด แต่ในบางกรณีการติดเชื้อระยะยาวอาจนำไปสู่การเป็นโรคมะเร็ง
นี่คือเพราะว่าเชื้อไวรัสก่อความเสียหาย DNA ของเซลล์ที่ติดเชื้อและแยกตัวแบบควบคุมไม่ได้ และจะก่อให้เกิดโรคมะเร็งในที่สุด
ด้วยโปรแกรมการฉีดวัคซีนทำให้หลายคนทราบว่า HPV ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก และโดยจริงแล้ว มันมีความเกี่ยวข้องกับโรคนี้ในทุกเคสที่เกิดขึ้นในสหราชอาณาจักร แต่ว่า HPV มีส่วนเกี่ยวข้องกับมะเร็งชนิดอื่นๆด้วยเช่นกัน รวมถึง มะเร็งทวาร อวัยวะเพศชาย และมะเร็ง
ปากและลำคอบางชนิด
ทำไมวัคซีน HPV ถึงไม่ได้มีการฉีดให้เด็กผู้ชายมาตลอด?
วัคซีน HPV ปกป้องจาก HPV อยู่ 4 ชนิด สองชนิดจากนั้นมีความเชื่อมโยงกับการเป็นมะเร็ง: HPV 16 และ 18 ซึ่งรวมกันแล้วทำให้เกิด 7 ใน 10 เคสของการเป็นมะเร็งปากมดลูกในในสหราชอาณาจักร วัคซีนนี้ปกป้องจาก HPV 6 และ 11 ซึ่งก่อให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศด้วยเช่นกัน
วัคซีนนี้มีการฉีดให้เด็กผู้หญิงมาตั้งแต่ปี 2008 และในตอนต้นได้มีการแนะนำให้แก่เด็กผู้หญิงเท่านั้นเพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและมีประสิทธิผลในการใช้ต้นทุนอย่างมากที่สุด
ตั้งแต่วัคซีนได้รับการเปิดตัว เราได้เริ่มเห็นการติดเชื้อ HPV ในผู้คนที่ได้รับการฉีดยานั้นลดลง ตรงนี้แสดงให้เห็นว่าตัววัคซีนมีผลในการป้องกันจากการติดเชื้อ HPV และจะสามารถป้องกันจากมะเร็งปากมดลูกได้ในอนาคต
แต่ HPV มีความเกี่ยวข้องกับการเป็นโรคมะเร็งในทั้งผู้ชายและผู้หญิง
รวมกันแล้ว ทุกอย่างเหล่านี้รวมกันเป็นการเป็นมะเร็งถึง 18,000 เคสในแต่ละปีใน UK. Credit: Cancer Research Uk
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงจะได้รับการป้องกันในบางส่วนจากโปรแกรมการฉีดวัคซีนในปัจจุบันถ้าอีกฝ่ายหนึ่งได้รับการฉีดวัคซีนมา แต่จะพูดอย่างเดียวกันไม่ได้กับผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน ในปี 2017 JCVI ซึ่งเป็นผู้แนะนำแผนกสาธารณสุขในสหราชอาณาจักรในเรื่องของวัคซีน ชี้แนะว่าควรมีการขยายการฉีดวัคซีนให้กับผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วย ผู้ชายกลุ่มนี้นั้นมีความเสี่ยงมากขึ้นต่อการเป็นมะเร็งทวาร ผู้ชายในกลุ่มนี้สามารถจะขอการฉีดวัคซีนจากคลินิกสุขภาพทางเพศได้จนถึงอายุ 45 ปี แต่ถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการแนะนำโปรแกรมนี้ให้แก่เด็กผู้ชายเนื่องจาก JCVI ยังไม่เชื่อว่ามันจะเป็นอะไรที่มีประสิทธิผลในการใช้ต้นทุน
ใครจะได้รับวัคซีน?
JCVI แนะนำการฉีดวัคซีนให้กับเด็กผู้ชายอายุ 11-13 ปี ซึ่งเหมือนกับในโปรแกรมสำหรับเด็กผู้หญิง การฉีควัคซีน HPV นั้นมีประสิทธิภาพมากสุดในผู้คนที่ไม่เคยมีการติดเชื้อ HPV และเนื่องจากว่าการแพร่เชื้อ HPV โดยส่วนมากแล้วจะถูกติดต่อทางเพศ การฉีดวัคซีนจะถูกฉีดให้ในวัยเด็กในขณะที่ผู้คนไม่น่าจะมีประสบการณ์ทางเพศ
ผู้ชายที่อยู่ในวัยเกินจะได้รับการฉีดวัคซีนและที่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันจะไม่ได้รับการเสนอให้ฉีดวัคซีนนี้ แต่ก็สำคัญที่ควรจะจำไว้ว่าคนส่วนมากกำจัดเชื้อ HPV ได้โดยไม่มีการเกิดอาการหรือปัญหาใดๆทั้งสิ้น และสำหรับโรคมะเร็งที่มีความเกี่ยวข้องกับ HPV โดยส่วนมาก จะสามารถลดการเสี่ยงด้วยทางอื่นได้เช่นกัน เช่นโดยการลดการสูบบุหรี่หรือการดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง
จะเป็นอย่างไรต่อไป?
การแนะนำให้มีโปรแกรมการฉีดวัคซีนที่ไม่จำกัดเพศสำหรับเยาวชนนั้นมีการพูดถึงมาหลายปีแล้ว ก้าวต่อไปคือเพื่อให้รัฐบาลได้ยอมรับการชี้แนะนี้อย่างเป็นทางการและขยายโปรแกรมให้แก่เด็กผู้ชาย
จนกว่าจะถึงเวลานั้น เราจะไม่ทราบรายละเอียดว่าโปรแกรมจะมีการเริ่มต้นเมื่อใดและอย่างไร เมื่อมีการยอมรับการแนะนำแล้ว ทางรัฐบาลจะต้องเผยแผนและตารางเวลาในการเริ่มต้น
และเหล่านี้จะต้องมากับรายละเอียดของโปรแกรมนี้เองด้วย ในตอนที่วัคซีนได้ถูกจัดให้แก่เด็กผู้หญิงในสหราชอาณาจักรได้มีโปรแกรมเพื่อ “การตามทัน” ให้แก่เด็กผู้หญิงที่มีอายุถึง 18 ปี และเราอยากให้รัฐบาลทำอย่างเดียวกันให้กับเด็กผู้ชายด้วย
ในที่สุดแล้ว โปรแกรมนี้จะไม่มีผลอะไรหากผู้คนไม่ทราบว่ามันมีการเกิดขึ้น เราอยากเห็นแคมเปญเพื่อให้มีความตระหนักในระดับชาติเพื่อจะเป็นการสื่อเกี่ยวกับวัคซีนและผลโปรโยชน์ศักย์อย่างชัดเจน รวมถึงมอบข้อมูลใหม่ๆให้แก่ทั้งเยาวชนชายและผู้ปกครอง
โดยการจัดวัคซีนนี้ให้ทุกคนที่มีอายุ 11-13 ปี จำนวนเคส HPV รวมไปถึงโรคมะเร็งที่มันก่อขึ้นอาจมีการลดลงอย่างมากในอนาคต
จัดให้โดย: Cancer Research UK