Thailand Medical News Jan 14, 2019 6 years, 7 months, 5 days, 23 hours, 8 minutes ago
ตอนนี้ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายเลือกที่จะใช้การฉีดมือเพื่อเป็นการย้อนวัยและลบร่องรอยของการมีอายุ
สำหรับหลายคน มือเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงวัย เนื่องจากเป็นที่แรกที่จะเห็นเส้นเลือดและเส้นเอ็นนั้นนูนออกมา การลดตัวการยืดหยุ่นของผิวหนัง และจุดด่างดำ
ในเวลานี้ เพื่อเป็นคำตอบให้แก่ทุกคนที่จะทำทุกอย่างเพื่ออยากรักษาความอ่อนวัย ตัวยามี่สามารถฉีดเข้าไปมือได้ได้รับการรับรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) เป็นครั้งแรกของยาชนิดเพื่อลดการปรากฏริ้วรอยของการมีอายุในมือ
มีการแถลงว่า “Restylane Lyft เป็นชนิดแรกและชนิดเดียวของเยลกรดไฮยาลูโรนิก (HA) ที่ได้รับการรับรองจาก FDA เพื่อฟื้นฟูบูรณภาแก่หลังมือ และทำให้ผิวหนังดูอ่อนวัยยิ่งขึ้น”
“และก็เป็นฟิลเลอร์ผัวหนัง HA ตัวแรกที่ได้รับการรับรองจาก FDA เพื่อการนำมาใช้กับจุดออื่นที่ไม่ใช่ใบหน้า”
การได้รับการรับรองจาก FDA นั้นหมายถึงว่ามีการตรวจสอบหลากหลายปัจจัย แต่ที่สำคัญที่สุดคือหมายความว่า FDA ได้มีการตัดสินใจว่าผลประโยชน์ของยาเกินดุลความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากวิธีการใช้ยา
การเร่งรับการรับรองของ Restylane Lyft มีผลมาจากการร้องขอของคนไข้นับไม่ถ้วน ผู้ที่มีความรู้สึกว่าหน้าที่ดูอ่อนวัยของเขาไม่ได้เข้ากับมือ สัญญาณของการแก่วัยที่ชัดเจนอาจเป็นสิ่งอัตนัย แต่บางคนบอกเกลียดมือตัวเองเพราะมันเตือนใจว่ากำลังแก่ตัวลงอย่างรวดเร็ว เขานั้นสังเกตเห็นถึงเส้นเลือด เส้นเอ็น และจุดสีน้ำตาลที่ปรากฏขึ้นมาอย่างโดดเด่น
สำหรับผู้คนที่มีค
ามสนใจในการรักษานี้ ซึ่งใช้เยลฉีดชนิดเดียวกับที่มีอยู่ในท้องตลาดมาเป็นเวลามากกว่า 10 ปีเพื่อใช้ในการรักษาริ้วรอยบนใบหน้า จะมีการประเมินว่าควรจะฉีดยาเข้าไปในมือเป็นจำนวนกี่เข็ม ตราบเท่าที่คนไข้ไม่มีความขัดแย้งทางการแพทย์เช่นโรคลูปัสหรือโรคไขข้อ ที่จะเกิดปฏิกิริยาไม่ดีเมื่อฉีดเยลเข้าไป หลังจากกระบวนการการรักษาแล้ว แทบจะไม่ต้องใช้เวลารักษาตัวเลย การฉีดมือมีลักษณะการยอมรับจากร่างกายสูงและความเสี่ยงต่ำ ผลข้างเคียงที่พบมากที่สุดคืออาการบวมและบอบช้ำเพียงชั่วคราว กระบวนการใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีต่อมือหนึ่งข้าง และหายดีทันที
ใครบ้างล่ะที่ฉีดมือ แพทย์มาร์มัวร์บอกว่าทั้งเพศชายและเพศหญิงตั้งแต่ในวัยอายุ 40 ปี
“คนไข้ของดิฉันที่ขอกระบวนการการรักษานี้จะมีอายุ 45-85 ปี และเป็นเพศหญิงและชายอย่างเท่าเทียมกัน”
ความนิยมที่เพิ่มขึ้นสำหรับการรักษานี้จากผู้ชายและผู้หญิงในวัยสี่สิบปีขึ้นไปนั้นเนื่องจากความสะดวกและการที่สามารถหายาได้ง่าย ความสนใจได้มีการเพิ่มขึ้นเมื่ออุปสรรคในการเข้าถึงลดลงเพราะมีการศึกษาเรียนรู้มากขึ้นในความปลอดภัยและวิธีการใช้ฟิลเลอร์ในแนวไม่รุกรานต่อร่างกายโดยแพทย์ผิวหนังได้รับการรับรองจากคณะกรรมการละแพทย์อื่นๆที่ได้รับการรับรอง
ดร. เมแกน ฟีลี่ แพทย์ผู้ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในรัฐนิวเจอร์ซีและเมืองนิวยอร์คซิตี้และทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อให้แก่สถาบันโรคผิวหนังแห่งอเมริกา ก็เป็นท่านหนึ่งที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง และได้บอกกับเราว่า “มือจะได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมอยู่ตลอดเวลา เมื่อเรามีอายุมากขึ้น เราจะประสบปัญหาการสูญเสียไขมันซึ่งทำให้เกิดรอยบนแก้มที่จมลงไปบนใบหน้าและรอยผิดหนังพับที่จะเห็นได้ชัด แต่การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ได้ถูกจำกัดไว้ที่แค่จุดนั้น เราจะเสียความหนาแน่นของไขมันในมือของเราเช่นกัน ซึ่งยิ่งทำให้เห็นเส้นเอ็นและเส้นเลือดได้อย่างชัดขึ้น
และเพราะสิ่งนี้ “ทำให้เกิดการเรียกร้องของการรักษานี้เป็นอย่างมาก ผู้ที่เริ่มสังเกตเห็นสัญญาณของการมีอายุมากขึ้นเลือกที่จะใช้กระบวนการนี้เพื่อย้อนเวลา”
การรักษานี้ได้รับความสนใจอย่างยิ่งจากผู้คนที่เคยศัลยกรรมบริเวณศรีษะและลำคอที่เป็นห่วงว่ามือเขาจะ “บ่งบอกอายุ”
แต่ผู้ที่สนใจในการรักษานี้ต้องจำไว้ว่าควรหาแพทย์ที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการเท่านั้น เนื่องจากว่ากระบวนการการผ่าตัดด้านความงามอาจเกิดความอันตรายได้ถ้าไม่ได้ถูกปฏิบัติโดยผู้ที่เป็นมืออาชีพ
“การผ่าตัดเสริมความงามทุกชนิดมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ในมือของผู้ที่ไม่ได้รับการฝึกฝน กรดไฮยาลูโรนิกและฟิลเลอร์จะสามารถถูกฉีดเข้าไปในเส้นเลือดแทนที่จะถูกฉีดไปแค่ที่เนื้อเยื่อภายใต้ผิวหนัง การฉีดเข้าไปในเส้นเลือดอาจทำให้เกิดการสีเปลี่ยนอย่างถาวร รอยแผลเป็น อาการชา และลดความคล่องแคล่วของการเคลื่อนไหว การฉีดกรดไฮยาลูรอนิกเข้าเส้นเลือดใน ใบหน้าสามารถทำให้ตาบอดได้ นี่คือเหตุผลทำไมถึงสำคัญมากที่ควรต้องหาแพทย์ที่มีคุณสมบัติและได้รับการรับรองจากคณะกรรมการในการรักษา”
ดร. ฟีลี่ ได้บอกอีกว่า การใช้กรดไฮยาลูโรนิกด้วยทางฉีดนั้นปลอดภัย “กรดไฮยาลูโรนิกคือสสารชนิดหนึ่งที่สามารถพบได้โดยธรรมชาติในผิวหนังของเราที่ดึงดูดน้ำสู่เนื้อเยื่อและเพิ่มความอวบอูมให้แก่ผิว และแอบแฝงความชัดเจนของเส้นเลือดและเส้นเอ็น”
ในความพยายามจะย้อนเวลา ผู้คนหันมามองที่มือของตัวเองแล้วในตอนนี้
