Thailand Medical News Jan 14, 2019 5 years, 3 months, 3 weeks, 4 days, 1 hour, 47 minutes ago
จากกลุ่มคนที่มีความเสี่ยง ยา Statin ซึ่งเป็นยาลดระดับคอเลสเตอรอลทั่วไป อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ผลการวิจัยนี้จะทำให้เกิดการถกเถียงขึ้นมาใหม่อย่างแน่นอน ความสัมพันธ์ระหว่าง Statin และโรคเบาหวานได้รับการสำรวจจากการวิจัยใหม่ตัวหนึ่ง ยา Statin ลดระดับคอเลสเตอรอลโดยการลดการผะลิตของมันภายในตับ ยาทำงานโดยการกีดกันเอนไซม์ที่เรียกว่า hydroxy-methyl-glutaryl-coenzyme A reductase ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการผลิต
ยา Statin เป็นหนึ่งในยาที่ถูกจ่ายทางแพทย์มากที่สุดในโลก
ระหว่างปี 2014 และ 2017 มากกว่าหนึ่งส่วนสี่ของผู้ใหญ่ในทวีปเอเซียที่มีอายุมากกว่า 40 ปีทานยาลดระดับคอเลสเตอรอล และส่วนใหญ่ในนี้คือยา Statin
นอกจากความสามารถในการลดระดับคอเลสเตอรอลแล้ว ยา Statin ยังมีผลบวกกับการอักเสบและภาวะออกซิเดชั่นที่มากเกินไป เมื่อรวมกันแล้วก็ไม่น่าควรจะแปลกใจถ้ายา Statin จะช่วยลดการเสี่ยงของการเป็นโรคเบาหวาน
แต่ความจริงอาจจะเป็นตรงข้ามกัน มีหลักฐานว่าการใช้ยา Statin ในระยะยาวสามารถเพิ่มการเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ การวิจัยแรกที่ได้กล่าวถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ถูกตีพิมพ์ไว้ในปี 2008 ระหว่างตอนนั้นถึงตอนนี้ มีหลายวิเคราะห์อภิมานที่ได้ถูกดำเนินการ บางการวิเคราะห์ก็ได้เพิ่มหลักฐานส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างการใช้ยา Statin และการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และการวิเคราะห์อื่นๆก็ทำให้เกิดความไม่แน่ใจในความสัมพันธ์นี้ เพราะฉะนั้น คำตอบที่แน่ชัดยังไม่มีการถุกค้นพบ
เปิดการอภิปรายใหม่เกี
ยวกับ Statin และ โรคเบาหวาน
หลากหลายการวิจับก่อนหน้านี้ไม่ได้มีจุดเป้าหมายที่จะสำรวจความเชื่อมโยงระหว่างโรคเบาหวานและยา Statin แต่จุดหลักคือเหตุการณ์ของหัวใจและหลอดเลือด เพราะว่าจำนวนของเคสผู้เป็นโรคเบาหวานในกลุ่มที่ถูกทดสอบนั้นต่ำ มันยากที่จะได้รับความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับการเสี่ยงที่มีความเกี่ยวข้องกัน
เพราะฉะนั้น ถ้าจะดูปฏิสัมพันธ์นี้ใหม่ นักวินิจฉัยจากวิทยาลัยแพทศาสตร์ แอลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ในเมืองนิวยอร์คซิตี้ รัฐนิวยอร์ค ตัดสินใจที่จะตั้งใจเจาะจงผู้คนในกลุ่มที่ใช้ยา Statin ที่มีความเสี่ยง และจดจ่อกับโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยเฉพาะ
สัปดาห์นี้ผลได้ถูกตีพิมพ์ไว้ในวารสาร BMJ Open Diabetes Research and Care
ทีมนี้ได้ใช้ข้อมูลจากผลการศึกษาโครงการการป้องกันโรคเบาหวานของสหรัฐฯ (DPPOS) DPPOS คือการวิจัยติดตามผลของการทดลองทางแพทย์ในระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่เป็นโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกินเกณฑ์ และเพราะฉะนั้น จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2
การวิจัยโดนดั้งเดิมได้ดูว่า “การลดน้ำหนักโดยการเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตหรือการทานยา metformin” (ซึ่งเป็นยาควบคุมระดับน้ำตาลในเส้นเลือด) ที่จะส่งผล “ลดหรือชะลอ” การเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
เมื่อการวิจัยได้จบลง ผู้ที่ได้เข้าร่วมได้ถูกการรับเชิญให้มีส่วนร่วมใน DPPOS ระดับความดันโรหิตและไขมันในโลหิตได้มีการวัดทุกปี และระดับน้ำตาลในโลหิตได้ถูกวัดทุก 6 เดือน และในเวลาเดียวกัน การใช้ยา Statin ได้ถูกบันทึกไว้
ข้อมูลจากผู้เข้าร่วม 3,234 คนได้รับการวิเคราะห์ ในตอนเริ่มการทดลอง มีเพียง 4 เปอร์เซ็นต์ที่ได้ใช้ยา Statin แต่หลังจากเวลา 10 ปี ประมาณหนึ่งส่วนสามได้มีการใช้ยา ส่วนมากจะใช้ยา simvastatin หรือ atorvastatin
ความเสี่ยงของยา Statin ที่พบเจอ
แม้ว่าความเป็นไปได้ที่จะถูกจ่ายยา Statin ให้นั้นเพิ่มขึ้นหลังจากการวินิจฉัยโรคว่าเป็นเบาหวาน การใช้ยา Statin ก็เกี่ยวข้องกับการเสี่ยงในการถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานเช่นเดียวกัน การเกี่ยวข้องนี้สำคัญมาก ไม่ว่าผู้เข้าร่วมการทดลองจะอยู่ในกลุ่มการรักษาใดก็ตามในการทดสอบในก่อนหน้า
โดยรวมแล้ว เทียบกับการไม่ได้ใช้ยา Statin การใช้ยาทำให้ความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เพิ่มขึ้นถึง 36 เปอร์เซ็นต์
การอภิปรายในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างยา Statin และโรคเบาหวานยังไม่จบอย่างแน่นอนและก็คงจะเป็นแบบนี้ต่อไป เพราะว่าการใช้ยา Statin และโรคเบาหวานเป็นสิ่งที่แพร่หลายในโลกทั้งคู่ สำคัญนักที่จะต้องรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปฏิสัมพันธ์ระหว่างสองอย่างนี้ให้มากที่สุด จะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมตามมาอย่างแน่นอน แต่อาจจะต้องใช้เวลา จนกว่าการอภิปรายนี้จะยุติลง