จาก: Walter and Eliza Hall Institute of Medical Research Jan 14, 2019 6 years, 7 months, 1 week, 3 days, 16 hours, 56 minutes ago
เป็นครั้งแรกของโลก นักวิทยาศาสตร์ที่เมืองเมลเบิร์นได้ค้นพบยาต่อต้านมะเร็งชนิดใหม่ที่สามารถทำใช้เซลล์โรคมะเร็งหลับไปอย่างถาวร โดยไม่มีผลเคียงข้างร้ายแรงเหมือนในการบำบัดรักษาแบบทั่วไป
โดยการถูกตีพิมพ์ไว้ในวารสาร
Nature การวิจัยในครั้งนี้ได้ทำให้มีการเปิดตัวยาแบบแรกเพื่อการต่อต้านมะเร็งที่ทำงานโดยการทำให้เซลล์โรคมะเร็งนั้นหลับไปโดยการหยุดชะงักการเติบโตและการแพร่ของเนื้อร้ายโดยไม่สั่งความเสียหายต่อ DNA ของเซลล์
ตัวยับยั้ง histone acetyltransferases KAT6A/B ชักนำให้เกิด senescence และหยุดการเติบโตของเนื้อร้าย
ยาชนิดใหม่กลุ่มนี้สามารถให้ทางเลือกที่น่าตื่นเต้นให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งและได้แสดงผลอย่างยอดเยี่ยมในการหยุดการคืบหน้าของโรคมะเร็งในรูปจำลองของมะเร็งโลหิตและมะเร็งตับ รวมถึงในการยืดเวลาต่อการระเริบใหม่ของมะเร็ง
หลับอย่างถาวร
การวิจัยที่ถูกนำโดยรองศาสตราจารย์ ทิม โทมาส และ รองศาสตราจารย์ แอน วอสส์ จาก Walter and Eliza Institute, ศาสตราจารย์ โจนาธาน ไบเอล จาก Monash Insitutue of Pharmaceutical Sciences และ ดร. เบรนดัน โมนาแฮน จาก Cancers Therapeutics CRC ได้ชนสูตรว่าการยับยั้ง KAT6A และ KAT6B จะเป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโระมะเร็งได้หรือไม่
รองศาสตราจารย์ โทมาส บอกว่ายากลุ่มใหม่นี้เป็นชนิดแรกที่ทำการเจาะจงโปรตีน KAT6A และ KAT6B และเป็นที่ทราบกันอยู่ว่าโปรตีนทั้งสองตัวนี้เป็นแรงขับโรคมะเร็งที่สำคัญ KAT6A อยู่ที่ลำดับที่ 12 ในรายชื่อยีนที่มีการขยายมากที่สุดในมะเร็ง
รองศาสตราจารย์ โทมาส กล่าวว่า “ในช่วงต้นเราได้พบว่าโปร
ตีนกำจัดยีน KAT6A ทำการเพิ่มอายุไขในรูปจำลองของมะเร็งโรหิตในสัตว์ที่เรียกว่า lymphoma เป็นสี่เท่าตัว ด้วยความรู้ว่า KAT6A เป็นแรงขับมะเร็งที่สำคัญเราได้เริ่มหาทางที่จะยับยั้งโปรตีนตัวนี้ในการรักษาโรคมะเร็ง”
เขาบอกว่า การผสมของตัวยานี้ได้แสดงผลอันเป็นที่น่าหวังแล้วในการทดสอบทางการแพทย์ “ยาต่อต้านมะเร็งกลุ่มใหม่นี้มีประสิทธิภาพในการกีดกันความคืบหน้าของโรคมะเร็งในรูปจำลองมะเร็งของเรา เรามีความตื่นเต้นอย่างมากในศักยะงานของมันเพื่อเป็นอาวุธใหม่ในการต่อสู้โรคมะเร็ง”
รองศาสตราจารย์ โทมาส ได้บอกอีกว่า “การผสมนี้ได้รับการยอมรับอย่างดีในการทดสอบทางการแพทย์ของเราและมีพลังอย่างมากต่อเซลล์เนื้อร้ายโดยไม่เห็นผลกระทบที่ไม่ดีต่อเซลล์ปกติแต่อย่างใด”
ไม่เกิดความเสียหายต่อ DNA อีกต่อไป
การวิจัยนี้ได้ใช้เวลามาถึงเกือบ 10 ปี และต้องใช้ความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญในด้านการวิจัยโรคมะเร็ง เคมีทางการแพทย์ และการค้นหายา
มันมีความแตกต่างสำคัยระหว่างยากลุ่มใหม่เหล่านี้และการบำบัดรักษาโรคมะเร็งแบบทั่วไป การรักษาโดยเคมีบำบัดและโดยรังสีบำบัด
ทำงานโดยการสร้างความเสียหายแก่ DNA ที่ไม่สามารถกลับมาสู่สภาพเดิมได้ เซลล์มะเร็งจะไม่สามารถซ่อมแซมความเสียหายนี้ได้และจะตายไป แต่ข้อเสียคือในการบำบัดเหล่านี้เราไม่สามารถเจาะจงแค่เซลล์มะเร็งได้และจะทำให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์ปกติด้วยเช่นกัน และตรงนี้จะทำให้เกิดผลข้างเคียงในระยะสั้นที่มีความความคุ้นเคยเป็นอย่างดี เช่น อาการคลื่นไส้ อาการเหนื่อยล้า ผมร่วง และ การติดเชื้อได้ง่าย รวมถึงการมีบุตรยากและความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งชนิดอื่นๆที่เพิ่มขึ้น
รองศาสตราจารย์ วอสส์ กล่าวว่า “แทนที่จะก่อความเสียหายที่อาจเป็นอันตรายต่อ DNA เช่นในการรักษาแบบเคมีบำบัดหรือรังสีบำบัด ยาต่อต้านมะเร็งกลุ่มใหม่นี้แค่ทำให้เซลล์โรคมะเร็งนั้นหลับไปอย่างถาวรเท่านั้น”
“การผสมของยากลุ่มนี้หยุดเซลล์มะเร็งในการแยกตัวโดยการปิดความสามารถของมันในการเริ่มวัฏจักรของเซลล์ ถ้าศัพท์ทางเทคนิกจะเรียกว่า senescene เซลล์จะไม่ถึงกับตายแต่มันจะไม่สามารถแยกตัวและเพิ่มจำนวน ในการไม่มีความสามารถนี้ก็เท่ากับว่าพวกเซลล์มะเร็งถูกชะงักไว้กับที่”
รองศาสตราจารย์ วอสส์ บอกว่าทีมของเขาเชื่อว่ายาเหล่านี้อาจมีประสิทธิภาพในการยืดเวลาก่อนมะเร็งจะมีการกำเริบขึ้นมาใหม่
รองศาสตราจารย์ วอสส์ บอกอีกว่า “ยังจะต้องทำงานกันอีกเยอะกว่าจะถึงจุดที่ยากลุ่มนี้จะได้รับการชันสูตรในผู้ป่วยมะเร็งซึ่งเป็นมนุษย์ แต่การค้นพบของเราชี้แนะว่ายาเหล่านี้อาจมีประสิทธิภาพพอสมควรในการเป็นการรักษาบำบัดแบบรวมชนิดหนึ่งที่จะยืดเวลาและกีดกั้นในการกำเริบใหม่ของมะเร็งหลังจากการรักษาในคร้งแรก การสามารถมอบอีกวิธีทางหนึ่งแก่แพทย์ฝ่ายรักษาเพื่อใช้ในการยืดเวลาอย่างมากต่อการกำเริบใหม่ของมะเร็งจะส่งผลกระทบใหญ่แก่ผู้ป่วย”
ไม่มีอีกแล้วกับ “ใช้ยาไม่ได้”
ศาสตราจารย์ ไบเอล บอกว่าโปรเจคนี้จะค่อนข้างสำคัญมากเพราะว่าชุมชนนักวิทยาศาสตร์ได้มีการเรียกครอบครัวยีนี้ว่า “ใช้ยาไม่ได้”
ศาสตราจารย์ ไบเอล กล่าวว่า “โปรเจคนี้มีอุปสรรคหลายอย่างที่จะต้องข้ามไปให้ได้ ผลผสมยานี้ไม่ได้ได้มาอย่างง่ายดาย และต้องการความทุ่มเทจากนักศึกษา Ph.D. และนักเคมีทางการแพทย์ที่ได้รับการส่งเสริมจาก NHMRC ในการขับเคลื่อนเคมีไปข้างหน้า แต่ด้วยความพยายามและความมุ่งมั่น เราดีใจที่ได้พัฒนาการผสมยาที่มีผลแรง แม่นยำ และสะอาดที่ดูแล้วจะปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในรูปจำลองทางการแพทย์ของเรา ในตอนนี้ทีมเรากำลังทำการพัฒนาการการผสมยาตัวนี้ให้เป็นยาที่มีความเหมาะสมในการทดสอบกับมนุษย์”
ศาสตราจารย์ ไบเอล บอกว่าโปรเจคนี้ได้รับการระดมทุนจากรัฐบาลออสเตรเลียและได้พิสูจน์ว่าการวิจัยในภาครัฐอาจเป็นการทำให้มีความคืบหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ
ศาสตราจารย์ ไบเอล บอกอีกว่า “บางทีมันก็ยากที่จะได้รับการระดมทุนสำหรับด้านเคมีทางการแพทย์และโปรเจคการหาค้นพบยาที่มีความเสี่ยงสูง เรารู้สึกมีพระคุณกับ Cooperative Research Centres (CRC) และ National Health and Medical Research Council (NHMRC) สำหรับการระดมทุนในช่วงต้นที่ได้สนับสนุนโปรเจคนี้”
ดร. อิแอน สตรีท หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ที่ Cancer Therapeutics CRC บอกว่ามันได้เป็นการร่วมมือกันที่ดีอย่างยิ่งระหว่างทั้งสามองค์กร
ดร. สตรีท กล่าวว่า “เรื่องนี้มันเป็นอะไรที่ยากมากที่จะหาคำตอบ มันไร้ข้อสงสัยแล้วที่ตัวยับยั้ง KAT6 นั้นได้มีบทสำคัญในการชี้แจงศักยะกลยุทธ์ใหม่และน่าตื่นเต้นนี้ในการรักษาโรคมะเร็ง”
อ้างอิง: Jonathan B. Baell et al. Inhibitors of histone acetyltransferases KAT6A/B induce senescence and arrest tumour growth, Nature (2018). DOI: 10.1038/s41586-018-0387-5